สนาม: สายด่วนปักกิ่ง 010
บทนำ:น่าจะต้องถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องลุกขึ้นมาช่วยกัน “ ปฏิรูปคุณภาพเด็ก” โดยมีเป้าหมายสร้างให้เป็น “คนดี นำคนเก่ง” กันอย่างจริงจังเสียที เพราะหากเด็กเป็นคนดีแล้วจะพัฒนาส่งเสริมเติมเต็มอะไรต่อก็คงทำได้ไม่ยาก ซึ่งจะต่างกับคนเก่งวิชาการอย่างเดียวจะไปพัฒนาต่อยอดให้เป็นคนดีในภายหลังนั้นคงทำได้ยากยิ่งขึ้นหรืออาจทำไม่ได้เลยเพาะน้ำเต็มแก้วเสียแล้ว ซึ่งการปฏิรูปเด็กตามแนวทางนี้คิดว่าสำคัญยิ่ง เพราะสังคมไทยเริ่มหาคนดีได้ยากเข้าไปทุกขณะ สำหรับการปฏิรูปที่ว่านี้จะเกิดผลเป็นรูปธรรมได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐที่จะต้องกำหนดนโยบายกับเป้าหมายนี้ไว้อย่างชัดเจน หลักสูตรก็ต้องเน้นการปลูกฝังความดีเป็นแกนหลัก หน่วยงานที่จะต่อยอดการเรียนรู้ของเด็กโดยเฉพาะอุดมศึกษา ก็ต้องปรับวิธีการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ เช่น ให้โอกาสกับเด็กดีมีที่เรียนต่อ ด้วยการจัดสรรเป็นโควตาให้แต่ละโรงเรียนอย่างน้อยร้อยละ 25 ในทุกสาขาหรือหากให้มีจำนวนมากขึ้นยิ่งเป็นเรื่องดีเพราะหากสามารถช่วยสร้างแรงจูงใจให้เด็กทำความดีได้เป็นรูปธรรมอย่างนี้เมื่อได้ทำดีบ่อยๆขึ้นก็จะเกิดเป็นนิสัยถาวรตามมา ส่วนที่เกรงกันว่ามัวแต่เน้นความดี วิชาการอาจจะอ่อนด้อยจนเรียนไม่ไหวนั้นคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะเมื่อเป็นคนดีแล้ว เชื่อว่าทุกอย่างน่าจะดีตามมาหรือสามารถพัฒนาได้ง่าย ยิ่งเมื่อจบการศึกษาภาครัฐและเอกชนคัดเลือกเข้าทำงานโดยใช้ความดีเป็นเกณฑ์สอดรับด้วยแล้วก็จะยิ่งสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นทั้งระบบ และได้ผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ส่วนผู้ปกครอง สังคม ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีงามในการดำเนินชีวิต อย่าเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวโดย ส่วน ครู อาจารย์ ก็คิดว่าน่าจะมีความพร้อมอยู่แล้ว เพียงแต่ขอให้นโยบายเน้นเรื่องนี้อย่างจริงจัง พร้อมกับลดภาระงานอื่นๆไม่ว่าจะเป็นงานประเมิน ประกวด แข่งขัน ทดสอบ และการรายงานกิจกรรมโครงการที่หน่วยเหนือกำหนดให้ลดน้องลงหรือตัดออกไปเลยยิ่งเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ครูมีเวลาพัฒนาเด็กมากขึ้น การปฏิรูปคุณภาพเด็กให้เป็นคนดีนำคนเก่งนี้ว่าไปแล้วน่าจะมีความสำคัญเร่งด่วนมากกว่าการปฏิรูปการเมืองเสียอีก เพราะการเมืองแม้จะสามารถหารูปแบบ วิธีการดีเลิศเพียงใดในการสรรหาคนมาเป็นผู้แทนหรือเป็นผู้นำประเทศ แต่หากคนในชาติยังมีคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้มากกว่าคนดี สุดท้ายทุกอย่างก็จะมาจบที่เดิมอย่างที่เห็นกันอยู่ในวันนี้ ...
สนาม: ชีวิตจีน
บทนำ:“ ขอร้องให้ทุกกลุ่มของผู้ชุมนุมไม่ให้เกิดการบุกรุก ยึดสถานที่ราชการ หรือใช้อาวุธต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ สถานการณ์ที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงจะต้องมีผู้รับผิดชอบ ไม่ได้หมายความว่า ทหารจะสามารถใช้กำลังคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยไม่ยึดถือหลักกฎกติกา หรือกฎหมาย เพราะความขัดแย้งในปัจจุบันเกิดขึ้นในหลายระดับ ทั้งกับเจ้าหน้าที่และประชาชนหลายกลุ่ม หากมีการใช้กำลังแก้ไขที่ปลายเหตุย่อมหมายความว่า กฎหมายและรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในปัจจุบันจะต้องถูกยกเลิก ไม่ได้รับการยึดถืออีกต่อไป หลายพวกหลายฝ่ายที่อยากให้ใช้วิธีการดังกล่าว ขอให้กลับมาพิจารณาและมาตั้งสติว่า ปัญหาเหล่านี้จะยุติได้ด้วยวิธีการอันสงบหรือไม่ หากเรากระทำไปในลักษณะนั้นจะขยายความรุนแรงออกไปหรือไม่ ในเมื่อยังคงมีการปลุกระดมประชาชนทุกกลุ่ม ทุกพวก ในทุกวงการให้มาต่อสู้ซึ่งกันและกัน ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ลิงค์ที่เป็นมิตรเวลาปัจจุบัน:2021-03-03